ส่องทำเลสำนักงานที่มาแรงที่สุดในกรุงเทพฯ ประจำปี 2025!
อัพเดทล่าสุด: 20 ส.ค. 2025
252 ผู้เข้าชม
- ย่านสาทร/สีลม (Sathorn/Silom)
ย่านสาทรและสีลมยังคงเป็นศูนย์กลางธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ ด้วยการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายจากระบบขนส่งสาธารณะ เช่น BTS และ MRT อีกทั้งมีอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมที่เหมาะกับบริษัทขนาดใหญ่และธุรกิจข้ามชาติ
ย่านสาทรและสีลมยังคงเป็นศูนย์กลางธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ ด้วยการเชื่อมต่อที่สะดวกสบายจากระบบขนส่งสาธารณะ เช่น BTS และ MRT อีกทั้งมีอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมที่เหมาะกับบริษัทขนาดใหญ่และธุรกิจข้ามชาติ
- ย่านพระราม 9/อโศก (Rama 9/Asoke)
ย่านนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการสำนักงานใหม่ๆ ที่ทันสมัยและมีการเชื่อมต่อที่ดีผ่าน MRT และ BTS ทำให้สะดวกในการทำธุรกิจ
ย่านนี้เติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นที่นิยมในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพ เนื่องจากมีการพัฒนาโครงการสำนักงานใหม่ๆ ที่ทันสมัยและมีการเชื่อมต่อที่ดีผ่าน MRT และ BTS ทำให้สะดวกในการทำธุรกิจ
- ย่านทองหล่อ/เอกมัย (Thonglor/Ekkamai)
ย่านทองหล่อและเอกมัยได้รับความนิยมจากบริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจด้านเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นย่านที่ทันสมัยและมีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในเรื่องของการออกแบบสำนักงานและการจัดการพื้นที่
ย่านทองหล่อและเอกมัยได้รับความนิยมจากบริษัทสตาร์ทอัพและธุรกิจด้านเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นย่านที่ทันสมัยและมีความยืดหยุ่นสูง ทั้งในเรื่องของการออกแบบสำนักงานและการจัดการพื้นที่
- ย่านรัชดาภิเษก (Ratchada) ย่านรัชดาภิเษกมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านสำนักงานและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อที่ดีจาก MRT และสถานีขนส่งต่างๆ ทำให้ย่านนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบริษัทที่ต้องการทำเลที่คุ้มค่า
- ย่านบางนา (Bangna)
ย่านบางนามีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ ทำให้พื้นที่นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในสำนักงาน
ย่านบางนามีศักยภาพในการเติบโตสูง เนื่องจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงไปยังสนามบินสุวรรณภูมิและพื้นที่เชิงพาณิชย์อื่นๆ ทำให้พื้นที่นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในสำนักงาน
บทความที่เกี่ยวข้อง
เทคนิคการจัดการเวลาแบบ Pomodoro เป็นวิธีการทำงานที่เน้นการแบ่งเวลาออกเป็นรอบ ๆ โดยทั่วไป 25 นาทีสำหรับการทำงานอย่างเต็มที่ แล้วพักสั้น ๆ ประมาณ 5 นาที วิธีนี้ช่วยให้เรามีสมาธิ โฟกัสกับงานได้ดีขึ้น ลดความเหนื่อยล้า และยังสร้างวินัยในการทำงาน เมื่อทำครบ 4 รอบ ควรพักยาว 15–30 นาทีเพื่อฟื้นฟูพลังอย่างเต็มที่
มาดูกันว่าช่วงเวลาไหนที่เราจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะการเลือกเวลาที่เหมาะสมช่วยให้โฟกัสดีขึ้น ทำงานเสร็จเร็ว และลดความเครียดได้
การตรงต่อเวลาเป็นทักษะพื้นฐานที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบและความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำงาน การตรงต่อเวลาช่วยสร้างความประทับใจที่ดีต่อผู้อื่น ลดความผิดพลาดในการนัดหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังแสดงถึงการเคารพเวลาของตนเองและผู้อื่น